การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อป้องกัน ลดความเสี่ยง และสร้างความเชื่อมั่นของการดำเนินธุรกิจต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน โดย บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามหลักการชี้แนะด้านสิทธิมนุษยชนกับธุรกิจ (United Nations Framework and Guiding Principles on Business and Human Rights) หรือ UNGP ตามหลักการ 3 ประการ ได้แก่ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Protect) การเคารพสิทธิมนุษยชน (Respect) และการเยียวยา (Remedy)
การดำเนินงานที่สำคัญปี 2565
- จากกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านในองค์กร พบว่า บริษัทฯ ไม่มีประเด็นความเสี่ยง รวมถึงไม่มีข้อร้องเรียน หรือการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน
- คู่ค้ารายสำคัญทางตรง (Critical Tier 1) ของบริษัท พบว่า ไม่มีประเด็นความเสี่ยงด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน
- คู่ค้ารายสำคัญทางอ้อม (Critical Non Tier 1) ของบริษัท พบว่า มีความเสี่ยงระดับต่ำของประเด็นเกี่ยวกับการจัดซื้อสินค้าหรือบริการที่บริษัทจัดซื้อจัดจ้างอาจไม่ได้ผลิตมาจากคู่ค้าโดยตรง (Critical Non Tier 1) ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดเตรียมมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ รวมถึงแนวทางการแก้ไขเยียวยา เพื่อลดความเสี่ยงในประเด็นดังกล่าว
นโยบายสิทธิมนุษยชนระดับองค์กร
บริษัทฯ ได้ทบทวนและปรับปรุงนโยบายสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Rights: UDHR) สิทธิเด็กและหลักปฏิบัติทางธุรกิจ (Children Rights and Business Principles: CRBP) และการปฏิบัติตามข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact)
นโยบายสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ
กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD)
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดทำกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน อ้างอิงแนวทางตามหลักการของ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGP) เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติในการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเป็นประจำทุกๆ 2 ปี โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การกำหนดขอบเขตการตรวจสอบ
บริษัทฯ กำหนดขอบเขตกระบวนการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านให้ชัดเจน ครอบคลุม ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง (Vulnerable Group) เช่น เด็ก ผู้พิการ สตรี ชนกลุ่มน้อย ผู้อพยพ แรงงานที่ว่าจ้างผ่านบุคคลที่สาม ชนพื้นเมือง ชุมชนท้องถิ่น เพศทางเลือก ผู้สูงอายุและสตรีตั้งครรภ์ เป็นต้น ในทุกๆ พื้นที่ปฏิบัติการที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหรือมีสิทธิในการควบคุมจัดการ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน โดยพิจารณาประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สิทธิแรงงาน สิทธิชุมชน ห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสิทธิผู้บริโภค
- การระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ ทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ทั้งกิจกรรมทางตรงที่บริษัทฯ ดำเนินการเอง และทางอ้อมผ่านการดำเนินการของคู่ค้า ผู้รับเหมา หรือบริษัทร่วมค้า ซึ่งสามารถก่อให้เกิดการร่วมกระทำความผิดในการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงทบทวนแนวโน้มประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันในตลาดโลก นำมาจัดเป็นกลุ่มหัวข้อที่ใกล้เคียงกันเพื่อจัดทำเป็นรายการตรวจสอบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (Human Rights Impact Assessment) มอบหมายให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น
- การจัดลำดับความสำคัญประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ นำประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนจากผลประเมินตามรายการตรวจสอบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (Human Rights Impact Assessment) มาจัดลำดับความสำคัญประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน โดยบริษัทฯ ได้กำหนดเกณฑ์ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ต่ำ ปานกลาง สูง และสูงมาก ดังแสดงในรูปที่ 1 โดยพิจารณาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ โอกาสที่จะเกิดขึ้น และผลกระทบ ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทฯ สามารถวางแนวทาง/มาตรการลดผลกระทบให้เหมาะสมกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
เกณฑ์การประเมินความเสี่ยง: โอกาสที่จะเกิดขึ้น
ระดับโอกาสที่จะเกิดขึ้น ลักษณะของโอกาสที่จะเกิดขึ้น 4 มีโอกาสสูง (>25%) เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในพื้นที่ปฏิบัติการหลายครั้งต่อปี 3 มีโอกาสปานกลาง (10-25%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติการเป็นครั้งคราว 2 มีโอกาสน้อย (1-10%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ปฏิบัติการน้อยมาก แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น 1 มีโอกาสน้อยมาก (<1%) เหตุการณ์เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่เป็นประเภทเดียวกับพื้นที่ปฏิบัติการ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่ปฏิบัติการ เกณฑ์การประเมินความเสี่ยง: ผลกระทบ
ระดับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ลักษณะของผลกระทบที่จะเกิดขึ้น 4 มีผลกระทบสูง - ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบในวงกว้างหรือส่งผลต่อกลุ่มประชากรที่เกินกว่าขอบเขตของพื้นที่ปฏิบัติการ
- บริษัทฯ ไม่สามารถควบคุมหรือบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อฟื้นฟูให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนได้สิทธินั้นกลับคืนมาได้
- ผลกระทบ / เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกที่เป็นอิสระ และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาร่วมกับบริษัทฯ
3 มีผลกระทบปานกลาง - บริษัทฯ มีความจงใจในการให้ความช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุนการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชน (Legal Complicity)
- ผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เป็นผลจากการดำเนินงานของบริษัทฯ หรือห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ปฏิบัติการ
- บริษัทฯ มีความขัดแย้งด้านสิทธิมนุษยชนกับกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ (Vulnerable Group)
2 มีผลกระทบน้อย - บริษัทฯ ได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนโดยหน่วยงานอื่น (Non-Legal Complicity)
- บริษัทฯ ไม่สามารถตอบสนองต่อข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชนจากผู้มีส่วนได้เสียภายในหรือภายนอกได้
1 มีผลกระทบน้อยมาก - ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้เสียจากภายในหรือภายนอกได้รับการป้องกันแก้ไขในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ และโดยกลไกการจัดการข้อร้องเรียนของบริษัทฯ
รูปที่ 1 การจัดลำดับความสำคัญประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
- การกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบและป้องกัน
เมื่อจัดลำดับประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ ต้องคาดการณ์ความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากประเด็นความเสี่ยงนั้นๆ และพัฒนามาตรการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในประเด็นที่มีระดับความเสี่ยงสูง และสูงมาก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดและควบคุมผลกระทบเชิงลบให้อยู่ในระดับต่ำหรืออยู่ในระดับที่ยอมรับได้ พร้อมทั้งเสริมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้ได้รับผลกระทบ
- การติดตามและทบทวนผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
เนื่องจากประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อกิจกรรมและกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียเปลี่ยนไป บริษัทฯ จึงต้องทบทวนประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และมาตรการบรรเทาผลกระทบและป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ โดยกำหนดตัวชี้วัดเพื่อใช้เป็นเครื่องมือติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท เช่น ร้อยละของพนักงานที่ได้รับการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน จำนวนข้อร้องเรียนที่ได้รับและสถานะการแก้ไข เป็นต้น พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นประจำทุกปีผ่านรายงานความยั่งยืนประจำปีหรือเว็บไซต์ของบริษัท
- การแก้ไขและเยียวยา
บริษัทฯ จัดให้มีกลไกรับเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ในกรณีที่มีเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมของบริษัท ดังนั้นบริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขให้ถูกต้องและมาตรการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งในรูปแบบทางการเงินและไม่ใช่การเงิน ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงสรุปบทเรียนเพื่อจัดทำมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ
ความหลากหลายของพนักงานในศรีตรังโกลฟส์
จำนวนพนักงานทั้งหมด
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Management
(% of Total Management Workforce)
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Top Management
(% of Total Top Management Workforce)
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Junior Management
(% of Total Junior Management Workforce)
จำนวนพนักงานในระดับ Management ที่มีบทบาทสร้างรายได้
(% of all such managers)
จำนวนพนักงานในตำแหน่ง Science, Technology, Engineering, Mathematics (STEM)
(% of total STEM positions)
ความหลากหลายของสัญชาติ
สัญชาติ | สัดส่วนจากพนักงานทั้งหมด (%) | สัดส่วนจากตำแหน่ง Management ทั้งหมด (%) |
---|---|---|
ไทย | 70.4 | 1.0 |
พม่า | 25.6 | 0.0 |
กัมพูชา | 3.8 | 0.0 |
การดูแลพนักงาน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการสร้างระบบการบริหารงานบุคคลที่ดี ตั้งแต่การสรรหาพนักงานใหม่ การบริหารค่าตอบแทนที่มีมาตรฐาน กำหนดเป้าหมายและแผนการพัฒนาศักยภาพพนักงาน เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าและการเติบโตในอาชีพ ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน และให้อิสระและเคารพสิทธิของพนักงานในการเป็นตัวแทน การรวมกลุ่ม หรือ การเจรจาต่อรองโดยคิดเป็นร้อยละ 100 ของพนักงานทั้งหมด โดยมีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นตัวแทนในการหารือกับนายจ้าง ทั้งด้านสวัสดิการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกฎหมายขั้นพื้นฐาน รวมไปถึง การทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบริษัทฯ
แนวทางการปฏิบัติงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Working Operations)
บริษัทฯ มีนโยบายสนับสนุนให้เกิดชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น และอนุญาตให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานตามช่วงเวลาที่เหมาะสม สอดคล้องกับงานและความต้องการของพนักงานกลุ่มต่างๆ โดยมีการกำหนดการเข้าปฏิบัติงาน เลิกจ้างที่หลากหลายช่วงเวลา
สวัสดิการครอบครัว (Family Support)
- พนักงานหญิงได้รับสิทธิ์เงินขวัญถุงรับขวัญบุตร จำนวน 1,000 บาท / ครั้ง
- พนักงานหญิงมีสิทธิ์ลาคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน หรือ 14 สัปดาห์ และได้รับค่าจ้างในช่วงลาคลอดแต่ไม่เกิน 45 วัน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแรงงานของประเทศไทย หากพนักงานที่ตั้งครรภ์ได้รับใบรับรองแพทย์ชั้นหนึ่ง ที่แสดงว่าพนักงานไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ พนักงานมีสิทธิ์ขอให้นายจ้างเปลี่ยนงานชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอด
- พนักงานสามารถยื่นขออนุมัติวันลากิจ (Personal Leave) หรือวันลาพักร้อน (Annual Leave) เพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัว (อาทิ บุตร คู่สมรส บิดา มารดา) เพิ่มเติมได้ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการเสริมสร้างความสุขในที่ทำงานให้กับพนักงาน ภายใต้ชื่อ “โครงการ Happy Workplace” ประกอบด้วย
Happy consultation
บริหารจัดการความเครียดในที่ทำงาน เพื่อโดยให้คำปรึกษาแก่พนักงานที่มีปัญหาต่าง ๆ เช่น ความท้อใจ ความตึงเครียด ปัญหาในการทำงาน ปัญหาครอบครัว เป็นต้น โดยพนักงานสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง หรือการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าพบเป็นการส่วนตัว โดยจะช่วยให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาเพื่อให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายกังวล
Happy Body
Smart Dental ตรวจสุขภาพในช่องปากและขูดหินปูนโดยทันตแพทย์
กีฬาสานสัมพันธ์วันสงกรานต์ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย และเชื่อมความสัมพันธ์ในกลุ่มพนักงาน
โครงการพัฒนาพนักงาน
Successor Project
ปัจจุบันภาพรวมของการดำเนินธุรกิจ ยังคงมีการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในยุคสมัยแห่งการแข่งขันที่มีการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ บริษัทตระหนักและยังคงเล็งเห็นความสำคัญในด้านทรัพยากรบุคคล ที่เป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จที่ตั้งไว้ได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และรองรับการเปลี่ยนแปลงดังที่กล่าวข้างต้น บริษัทจึงได้เฟ้นหาและเตรียมวางตัวบุคลากรขององค์กร เพื่อเข้าสู่กระบวนการ เตรียมความพร้อมที่จะรับสืบทอดตำแหน่งที่สำคัญในระดับบริหาร ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านั้นเรียกว่า Successor ซึ่งผ่านการพิจารณาและคัดเลือกจากจากผู้บริหาร
เป้าหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
- เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ ของ Successor และมีความพร้อมในทุกๆ ด้านเพื่อการสืบทอดตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น
- เพื่อให้บริษัทฯ ไม่ขาดทรัพยากรบุคคลของการรับช่วงตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น
ผลประโยชน์เชิงตัวเลขที่บริษัทฯ จะได้รับ
พนักงานที่เข้าร่วมโครงการ เช่น กลุ่มลด Water Consumption สามารถลดต้นทุนการผลิตให้กับบริษัทฯ ได้เป็นจำนวนเงิน 522,574.15 บาท และกลุ่มขยายความถี่สอบเทียบ Pressure Transmitter (PT) และ Temperature Transmitter (TT) เป็น 2 ปี สามารถลดต้นทุนการผลิตให้กับบริษัทฯ ได้เป็นจำนวนเงิน 232,688 บาท
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
20 คน หรือคิดเป็น 0.24% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด
โครงการอบรมหลักสูตร “ทฤษฎี 9 Module”
บริษัทฯ ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมมีเครื่องจักรเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตจำนวนมากมาย บุคลากรเฉพาะทางในการดูแล รักษาเครื่องจักรอย่างเช่นช่างจึงมีความจำเป็นอย่างมาก หลักสูตรทฤษฎี 9 Module ได้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้ในวิชาช่างที่เป็น Know how ของบริษัทฯ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
เพื่อเสริมทักษะในการปฏิบัติงานของพนักงานตำแหน่งช่าง
ผลประโยชน์เชิงตัวเลขที่บริษัทฯ จะได้รับ
บริษัทฯ ได้พนักงานช่างที่มีฝีมือ ผ่านการสอบวัดผลภาคทฤษฎี 12 คน
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ
77 คน หรือคิดเป็น 0.95% จากจำนวนพนักงานทั้งหมด