สารจากประธานกรรมการ

สารจากประธานกรรมการ

ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ท้าทายของอุตสาหกรรมถุงมือยางทั่วโลก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่คลี่คลายลง ประกอบกับอุปทานถุงมือยางที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปริมาณมาก อันเป็นผลมาจากราคาถุงมือยางที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้ผู้ผลิตแต่ละรายในอุตสาหกรรมต้องดิ้นรนและปรับตัวเพื่อความอยู่รอดด้วยรูปแบบและวิธีการที่หลากหลายแตกต่างกันไป

บริษัทฯ เชื่อว่าการแข่งขันในระหว่างที่ตลาดปรับสมดุลหรือช่วง Normalization นี้ จะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินไม่มากนัก ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตถุงมือยางที่มากพอ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้ อาจต้องพ่ายแพ้ต่อผู้ประกอบการรายอื่นและจำเป็นต้องออกจากตลาดไป

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ท้าทายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบริษัทฯ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี STGT ได้ผ่านวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอุปทานในลักษณะเช่นนี้มาหลายระลอก อาทิ การระบาดของเชื้อ HIV, SARS, ไข้หวัดนก (H1N1/H5N1), MERS, Ebola ตลอดจน Covid-19 ทั้งนี้ ในการข้ามผ่านสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้ไปได้นั้น ต้องอาศัยความแข็งแกร่งทั้งในด้านการผลิต การบริหารจัดการ การเงิน ความยืดหยุ่นในการปรับตัว และความคิดริเริ่มในการทดลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมแรง รวมไปถึงความอดทนและความกล้าหาญของผู้บริหารและพนักงานทุกคนไปพร้อมกัน

STGT เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางอันดับ 1 ของไทย และ 1 ใน 5 ของโลก STGT จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจ ทั้งในด้านคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป ทั้งผลิตภัณฑ์ถุงมือยางไนไตรล์ รวมไปถึงถุงมือยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนและการบริหารห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งจากการเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการผลิตถุงมือยางที่มีคุณภาพ ภายใต้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ ทาง STGT ยังเลือกใช้ Woodchip ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าและผันผวนน้อยกว่าคู่แข่งอื่นๆ ที่ใช้แก๊สหรือถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยกว่าเชื้อเพลิงที่เป็น fossil based อย่างมีนัยสำคัญ STGT ยึดมั่นในการสรรหาแรงงานและปฏิบัติต่อแรงงานตามมาตรฐานสากลซึ่งได้รับรางวัลและการจัดอันดับสูงสุดจากหลากหลายสถาบัน

สำหรับสถานะทางการเงิน STGT ยังคงแข็งแกร่งพร้อมรับกับสถานการณ์ที่ท้าทาย โดย ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีเงินสดอยู่กว่า 14,400 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง -0.33 ซึ่งถือว่าอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคู่แข่งในตลาดหลายราย

ด้านกลยุทธ์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย STGT ได้มุ่งเน้นการลดต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และวางเป้าหมายเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ อาทิ ถุงมือยางธรรมชาติชนิดโปรตีนต่ำ ถุงมือผ่าตัด และถุงมือเพื่อการใช้งานเฉพาะอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้งานและขยายตลาดให้กว้างขึ้น

ทั้งนี้ ในด้านการดำเนินธุรกิจ STGT ยังคงตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลควบคู่กับการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอดตามหลักการของ ESG นอกจากความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นจาก ESG Score ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก S&P Global แล้ว บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อการให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจโดยให้คุณค่าด้าน ESG ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมถุงมือยางในทุกมิติของ ESG

  • สิ่งแวดล้อม (Environment): นอกจากการผลิตถุงมือโดยการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว ในปี 2565 STGT ยังได้ออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) เป็นครั้งแรก ด้วยวงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ
  • สังคม (Social): STGT ตระหนักและคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและความเป็นอยู่ของพนักงานทุกระดับโดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งยังได้มีการขยายผลสู่ชุมชนรอบข้าง เพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างธุรกิจและชุมชนอย่างยั่งยืน
  • ธรรมาภิบาล (Governance): นับเป็นความภาคภูมิใจของ STGT ที่ได้ปรับคะแนนประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการเป็นระดับ 5 ดาว หรือดีเลิศเป็นครั้งแรกในปีนี้ และยังคงได้รับคัดเลือกเป็น 1 ในหุ้นยั่งยืน (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่เหนือคู่แข่ง ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ ด้านห่วงโซ่อุปทาน ความโดดเด่นในด้าน ESG ความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และการไม่หยุดพัฒนา บริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ STGT ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ให้การสนับสนุนบริษัทฯ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องในปีถัดๆ ไป เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

ศาสตราจารย์ ดร.วีรกร อ่องสกุล

ประธานกรรมการบริษัท

บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล

กรรมการผู้จัดการใหญ่

บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ติดต่อเรา